ทำยังไงให้บัตรประจำตัวของเรา
มีอายุการใช้งานที่ยาวนาน
ขอบคุณรูปภาพจาก pngwing
หลายคนคงจะเคยพบปัญหาบัตรเสื่อมสภาพไว อาจจะเคยสงสัยว่าทำไม บัตรประชาชน บัตรนักเรียน บัตรพนักงาน ถึงซีดไวกว่าของเพื่อน ทั้งที่บัตรของทั้งคู่ผลิตในวันเดียวกัน หลายคนก็ต่างสันนิษฐานกันไปต่างๆนานา “ทำยังไงให้บัตรประจำตัวของเรา มีอายุการใช้งานที่ยาวนานยิ่งขึ้น ในสภาพอากาศที่ร้อนมากๆ” ว่าต้นเหตุที่แท้จริงมาจาก บัตรพลาสติก เครื่องพิมพ์บัตร ซองใส่บัตร หรือสภาพแวดล้อม ในวันนี้ผมจะมาแจกแจงปัจจัยต่างๆให้ทุกท่านได้ทราบ ว่าแท้จริงแล้วที่คุณสงสัยนั้นล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยกันทั้งสิ้น โดยผมจะขอยกปัจจัยภายนอกอย่าง แสงอาทิตย์ออกไปก่อน เพราะยากที่จะหลีกเลี่ยง โดยขอพูดเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่เราเลือกได้ ทั้ง 3 ประเภทดังนี้
การเคลือบของเครื่องพิมพ์บัตร
เครื่องพิมพ์บัตรพลาสติกโดยปกติเมื่อทำการพิมพ์บัตร โดยการพิมพ์รูป พิมพ์ตัวอักษร ขั้นตอนสุดท้าย คือการเคลือบด้วยวัสดุพิเศษ โดยเราจะเรียกตัวเคลือบนี้ว่า TopCoat มีหน้าที่ปกคลุมตัวบัตรและสีต่างๆที่ถูกพิมพ์ลงบนบัตรให้มีอายุยาวนาน ไม่เสียหายจากการใช้งาน หากมีสิ่งใดมากระทบหรือขูดตัวบัตร ก่อนที่จะโดนส่วนที่เป็นรายละเอียดของรูปและตัวอักษร ก็จะมีตัว Topcoat นี่แหละที่ช่วยเป็นเกราะคุ้มกันภัยให้บัตรของเรา และยังช่วยยืดอายุบัตรให้มีความทนต่อแสงอาทิตย์หรือรังสี UV
นอกจากการเคลือบปกติด้วย Topcoat ยังมีอุปกรณ์เสริมอีกตัวนึง เป็น Module ที่เราเรียกกันว่า Laminator หน้าที่ของมันคือรับบัตรที่พิมพ์และเคลือบเสร็จแล้วมาทำการเคลือบอีกรอบนึง โดยเลือกเคลือบได้อีกสูงสุด 2 ชั้น เรียกว่าป้องกันขั้นสูงสุดจะทำให้บัตรของคุณมีอายุยืนยาวกว่าบัตรทั่วไปถึง 3 เท่า !!! ไม่เพียงแค่นั้น เจ้าตัว Laminator ยังมีความสามารถในการเปลี่ยนวัสดุการเคลือบเพื่อให้บัตรมีมิติที่มากขึ้น เช่น ฟิล์มเคลือบมีลายตราสิงห์เป็นของตัวเอง การเคลือบแบบขุ่น เป็นต้น
บัตรพลาสติก
บัตรพลาสติกต้องถูกผลิตจากโรงงานที่ได้มาตรฐาน ISO จะทำให้ได้บัตรที่มีคุณภาพและมีอายุการใช้งานที่นานยิ่งขึ้น เพราะบัตรพลาสติกเมื่อเสื่อมสภาพจะทำให้หน้าบัตรลอกและพิมพ์ไม่ติด สาเหตุเกิดจากวัสดุหรือส่วนผสมในการผลิตหมดอายุ เพราะหากเราซื้อบัตรพลาสติกจากผู้จำหน่ายบัตรทั่วไป เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าบัตรล็อตนั้น ผลิตมาแล้วนานแค่ไหน เหลือเวลานำไปใช้งานได้อีกเท่าไหร่ หากเรานำบัตรที่ใกล้หมดอายุมาพิมพ์เราจะพบปัญหาว่าเมื่อผู้ใช้นำไปใช้งานไม่ถึงปี บัตรจะซีดลงอย่างรวดเร็ว ส่วนที่ถูกพิมพ์ก็จะลอกออก นับเป็นปัญหาที่กวนใจสำหรับผู้พิมพ์บัตรอย่างมาก เพราะนอกจากจะถูกต่อว่าจากผู้ใช้ัตรแล้ว ยังต้องเสียตังเพื่อซื้อบัตรใหม่ ที่มีมาตรฐานกว่าเดิมเพื่อให้สะดวกและไม่มีปัญหาตามมาในภายหลัง
โดยบัตรขาวปกติถ้าผลิตได้มาตรฐานจะต้องมีการลบคมของบัตรทุกด้านหลังจากที่บัตรนั้นผ่านกระบวนการไดคัท เพื่อไม่ให้บัตรมีเศษพลาสติก PVC ที่เป็นรอยตัดสูงเกินระดับบัตร เพราะจะทำให้หัวพิมพ์เสียหาย และทำให้คุณภาพการพิมพ์ต่ำลงไปกว่าเดิมเพราะบัตรไม่เรียบเป็นระนาบเดียวกัน
กรอบหรือซองใส่บัตร
กรอบหรือซองใส่บัตร ได้รับความนิยมและเห็นกันทั่วไป แต่รุ้หรือไม่ แท้จริงแล้ว 2 อย่างนี้ มันมีความสามารถในการดูแลบัตรที่ต่างกัน กล่าวคือซองใส่บัตรจะมีลักษณะเป็นซองใส มีช่องสำหรับสอดบัตร เพื่อให้บัตรแสดงได้โดยมีซองมาปกคลุมอีกชั้นนึง แต่มีข้อเสียร้ายแรงมากอย่างหนึ่งคือ หากเรานำบัตรไปใส่ซองแล้วไปอยู่ในที่ที่มีแสงแดดแรงมาก อาจทำให้วัสดุที่เป็นซอง กับ วัสดุที่พิมพ์ลงบนบัตรถูกลอกออกไปติดที่ตัวซอง เนื่องจากความร้อนเกินไปจะทำให้เคมีละลาย หลายคนอาจจะเคยพบประสบการณ์นี้ เช่น นำบัตรประชาชนเก็บไว้ในช่องที่มีพลาสติกคลุมเพื่อที่จะแสดงบัตรได้ง่าย แต่พอใช้ไปนานวันเข้า รูปหรือตัวอักษรที่อยู่บนบัตรจะลอกมาติดอยู่บนซองนั่นเอง
ส่วนกรอบบัตรจะมีไม่มีพลาสติกสัมผัสกับหน้าบัตร แต่จะใช้วิธีสอดบัตรเข้าไปในช่อง แล้วให้มุมขอบกรอบบัตรยึดตามมุมต่างๆของบัตร ทำให้บัตรที่ใส่กรอบสามารถอยู่ในสถานที่ที่มีแสงแดดได้ดีกว่า แต่ก็มีข้อเสียตรงที่กรอบบัตรจะมีการเสียดสีที่มากกว่า เพราะต้องยึดบัตรให้ติดแน่นภายในกรอบ ทำให้ขอบบัตรมักจะมีรอยขีดข่วนจากการถอดและใส่บัตร ดังนั้นเราควรเลือกใช้งานกรอบบัตรให้เหมาะสม เป็นปัจจัยนึงที่จะช่วยให้บัตรอยู่กับเราไปได้นานเช่นกัน
หลายคนคงจะเคยพบปัญหาบัตรเสื่อมสภาพไว อาจจะเคยสงสัยว่าทำไม บัตรประชาชน บัตรนักเรียน บัตรพนักงาน ถึงซีดไวกว่าของเพื่อน ทั้งที่บัตรของทั้งคู่ผลิตในวันเดียวกัน หลายคนก็ต่างสันนิษฐานกันไปต่างๆนานา “ทำยังไงให้บัตรประจำตัวของเรา มีอายุการใช้งานที่ยาวนานยิ่งขึ้น ในสภาพอากาศที่ร้อนมากๆ” ว่าต้นเหตุที่แท้จริงมาจาก บัตรพลาสติก เครื่องพิมพ์บัตร ซองใส่บัตร หรือสภาพแวดล้อม ในวันนี้ผมจะมาแจกแจงปัจจัยต่างๆให้ทุกท่านได้ทราบ ว่าแท้จริงแล้วที่คุณสงสัยนั้นล้วนมีส่วนเกี่ยวข้องด้วยกันทั้งสิ้น โดยผมจะขอยกปัจจัยภายนอกอย่าง แสงอาทิตย์ออกไปก่อน เพราะยากที่จะหลีกเลี่ยง โดยขอพูดเกี่ยวกับอุปกรณ์ที่เราเลือกได้ ทั้ง 3 ประเภทดังนี้
การเคลือบของเครื่องพิมพ์บัตร
เครื่องพิมพ์บัตรพลาสติกโดยปกติเมื่อทำการพิมพ์บัตร โดยการพิมพ์รูป พิมพ์ตัวอักษร ขั้นตอนสุดท้าย คือการเคลือบด้วยวัสดุพิเศษ โดยเราจะเรียกตัวเคลือบนี้ว่า TopCoat มีหน้าที่ปกคลุมตัวบัตรและสีต่างๆที่ถูกพิมพ์ลงบนบัตรให้มีอายุยาวนาน ไม่เสียหายจากการใช้งาน หากมีสิ่งใดมากระทบหรือขูดตัวบัตร ก่อนที่จะโดนส่วนที่เป็นรายละเอียดของรูปและตัวอักษร ก็จะมีตัว Topcoat นี่แหละที่ช่วยเป็นเกราะคุ้มกันภัยให้บัตรของเรา และยังช่วยยืดอายุบัตรให้มีความทนต่อแสงอาทิตย์หรือรังสี UV
นอกจากการเคลือบปกติด้วย Topcoat ยังมีอุปกรณ์เสริมอีกตัวนึง เป็น Module ที่เราเรียกกันว่า Laminator หน้าที่ของมันคือรับบัตรที่พิมพ์และเคลือบเสร็จแล้วมาทำการเคลือบอีกรอบนึง โดยเลือกเคลือบได้อีกสูงสุด 2 ชั้น เรียกว่าป้องกันขั้นสูงสุดจะทำให้บัตรของคุณมีอายุยืนยาวกว่าบัตรทั่วไปถึง 3 เท่า !!! ไม่เพียงแค่นั้น เจ้าตัว Laminator ยังมีความสามารถในการเปลี่ยนวัสดุการเคลือบเพื่อให้บัตรมีมิติที่มากขึ้น เช่น ฟิล์มเคลือบมีลายตราสิงห์เป็นของตัวเอง การเคลือบแบบขุ่น เป็นต้น
บัตรพลาสติก
บัตรพลาสติกต้องถูกผลิตจากโรงงานที่ได้มาตรฐาน ISO จะทำให้ได้บัตรที่มีคุณภาพและมีอายุการใช้งานที่นานยิ่งขึ้น เพราะบัตรพลาสติกเมื่อเสื่อมสภาพจะทำให้หน้าบัตรลอกและพิมพ์ไม่ติด สาเหตุเกิดจากวัสดุหรือส่วนผสมในการผลิตหมดอายุ เพราะหากเราซื้อบัตรพลาสติกจากผู้จำหน่ายบัตรทั่วไป เราไม่มีทางรู้ได้เลยว่าบัตรล็อตนั้น ผลิตมาแล้วนานแค่ไหน เหลือเวลานำไปใช้งานได้อีกเท่าไหร่ หากเรานำบัตรที่ใกล้หมดอายุมาพิมพ์เราจะพบปัญหาว่าเมื่อผู้ใช้นำไปใช้งานไม่ถึงปี บัตรจะซีดลงอย่างรวดเร็ว ส่วนที่ถูกพิมพ์ก็จะลอกออก นับเป็นปัญหาที่กวนใจสำหรับผู้พิมพ์บัตรอย่างมาก เพราะนอกจากจะถูกต่อว่าจากผู้ใช้ัตรแล้ว ยังต้องเสียตังเพื่อซื้อบัตรใหม่ ที่มีมาตรฐานกว่าเดิมเพื่อให้สะดวกและไม่มีปัญหาตามมาในภายหลัง
โดยบัตรขาวปกติถ้าผลิตได้มาตรฐานจะต้องมีการลบคมของบัตรทุกด้านหลังจากที่บัตรนั้นผ่านกระบวนการไดคัท เพื่อไม่ให้บัตรมีเศษพลาสติก PVC ที่เป็นรอยตัดสูงเกินระดับบัตร เพราะจะทำให้หัวพิมพ์เสียหาย และทำให้คุณภาพการพิมพ์ต่ำลงไปกว่าเดิมเพราะบัตรไม่เรียบเป็นระนาบเดียวกัน
กรอบหรือซองใส่บัตร
กรอบหรือซองใส่บัตร ได้รับความนิยมและเห็นกันทั่วไป แต่รุ้หรือไม่ แท้จริงแล้ว 2 อย่างนี้ มันมีความสามารถในการดูแลบัตรที่ต่างกัน กล่าวคือซองใส่บัตรจะมีลักษณะเป็นซองใส มีช่องสำหรับสอดบัตร เพื่อให้บัตรแสดงได้โดยมีซองมาปกคลุมอีกชั้นนึง แต่มีข้อเสียร้ายแรงมากอย่างหนึ่งคือ หากเรานำบัตรไปใส่ซองแล้วไปอยู่ในที่ที่มีแสงแดดแรงมาก อาจทำให้วัสดุที่เป็นซอง กับ วัสดุที่พิมพ์ลงบนบัตรถูกลอกออกไปติดที่ตัวซอง เนื่องจากความร้อนเกินไปจะทำให้เคมีละลาย หลายคนอาจจะเคยพบประสบการณ์นี้ เช่น นำบัตรประชาชนเก็บไว้ในช่องที่มีพลาสติกคลุมเพื่อที่จะแสดงบัตรได้ง่าย แต่พอใช้ไปนานวันเข้า รูปหรือตัวอักษรที่อยู่บนบัตรจะลอกมาติดอยู่บนซองนั่นเอง
ส่วนกรอบบัตรจะมีไม่มีพลาสติกสัมผัสกับหน้าบัตร แต่จะใช้วิธีสอดบัตรเข้าไปในช่อง แล้วให้มุมขอบกรอบบัตรยึดตามมุมต่างๆของบัตร ทำให้บัตรที่ใส่กรอบสามารถอยู่ในสถานที่ที่มีแสงแดดได้ดีกว่า แต่ก็มีข้อเสียตรงที่กรอบบัตรจะมีการเสียดสีที่มากกว่า เพราะต้องยึดบัตรให้ติดแน่นภายในกรอบ ทำให้ขอบบัตรมักจะมีรอยขีดข่วนจากการถอดและใส่บัตร ดังนั้นเราควรเลือกใช้งานกรอบบัตรให้เหมาะสม เป็นปัจจัยนึงที่จะช่วยให้บัตรอยู่กับเราไปได้นานเช่นกัน
ผมหวังว่าข้อมูลที่ได้แจ้งไป จะช่วยให้ผู้อ่านเข้าใจถึงปัญหาที่ทำให้อายุบัตรนั้นสั้นลง หวังให้ผู้อ่านสามารถเลือกใช้อุปกรณ์ให้เหมาะสมกับงาน เพื่อที่จะได้บัตรพลาสติกที่มีความทนทานและอยู่กับเราไปนานๆนะครับ ^_^
ติดต่อมาได้เลยนะครับ ผมยินดีให้คำปรึกษา
เครื่องพิมพ์บัตร
, บัตรพลาสติก